สับปะรดภูแล
ชื่อวิทยาศาสตร์
Bromelia Anaus
ลักษณะประจำพันธุ์
๑. ใบในเรียวเล็ก สีเขียวอ่อน และมีแถบสีชมพูบริเวณกลางใบขอบใบมีหนามเรียงชิดติดกันตลอดความยาวของใบ
๒. ผลขนาดเล็ก มีน้ำหนักตั้งแต่ 150 กรัม -1000 กรัม (ส่วนใหญ่ ผลมีขนาดเล็กโดยเฉลี่ย 4-5 ผลต่อกิโลกรัม) ความยาวของจุกโดยเฉลี่ย 1-1.5 เท่า ของความยาวผลตัวจุกมีลักษณะชี้ตรง
๓. ตาผล ตาเต่งตึงโปนออกมาจากผลอย่างเห็นได้ชัด
๔. เปลือก เปลือกค่อนข้างหนา เหมาะสำหรับการ ขนส่งระยะไกล เมื่อสุกเปลือกผลจะมีสีเหลือง หรือเหลืองปนเขียว
๕. เนื้อ เนื้อสีเหลือง ไม่ฉ่ำ กรอบ กลิ่นหอม ความหวาน 14-16 º brix แกนสับปะรดกรอบรับประทานได้ ๖. สามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี
ที่มา
เมื่อปี พ.ศ. 2520 ผศ.อเนก ประทีป ณ ถลาง อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ชาวจังหวัดภูเก็ตที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่บ้านแม่ปูคา ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ได้นำสับปะรดจากจังหวัดภูเก็ตมาปลูกที่จังหวัดเชียงราย แต่ด้วยปัจจัยทางธรรมชาติทำให้สับปะรดที่ปลูก มีลักษณะที่แตกต่างจากสับปะรดภูเก็ตคือขนาดผลเล็ก รูปร่างทรงกลม จุกใหญ่ ตั้งตรง รับประทานได้ทั้งเนื้อและแกน ซึ่งต่อมาได้เรียกชื่อสับปะรดดังกล่าวว่า“สับปะรดภูแล” โดยการนำเอาชื่อ “ภูเก็ต”ซึ่งเป็นแหล่งปลูกเดิมมาผสมคำกับแหล่งปลูกใหม่คือ “นางแล” และขยายพื้นที่การปลูกครอบคลุมสามตำบลคือตำบลนางแล ตำบลท่าสุด และตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และเป็นผลผลิตด้านการเกษตรอีกชนิดหนึ่งที่สำคัญและสร้างชื่อให้ของจังหวัดเชียงรายในปัจจุบัน.
การจัดขนาดสับปะรดภูแล
สับปะรดภูแลไม่ได้มีการคัดคุณภาพเนื้อเหมือนสับปะรดนางแล แต่จะใช้วิธีการคัดขนาดน้ำหนัก
- ขนาด 3 ผลต่อกิโลกรัมหรือผลละประมาณ 3 ขีด (300 กรัม)
- ขนาด 4 ผลต่อกิโลกรัมหรือผลละประมาณ 2.5 ขีด (250 กรัม)
ส่วนใหญ่การซื้อสับปะรดภูแลจะสั่งคละขนาด เช่น 2,3,4 ผลต่อกิโลกรัม หรือ 3,4,5 ผลต่อกิโลกรัม หรือ 4,5,6 ผลต่อกิโลกรัม เป็นต้น .
ลักษณะประจำพันธุ์
๑. ใบในเรียวเล็ก สีเขียวอ่อน และมีแถบสีชมพูบริเวณกลางใบขอบใบมีหนามเรียงชิดติดกันตลอดความยาวของใบ
๒. ผลขนาดเล็ก มีน้ำหนักตั้งแต่ 150 กรัม -1000 กรัม (ส่วนใหญ่ ผลมีขนาดเล็กโดยเฉลี่ย 4-5 ผลต่อกิโลกรัม) ความยาวของจุกโดยเฉลี่ย 1-1.5 เท่า ของความยาวผลตัวจุกมีลักษณะชี้ตรง
๓. ตาผล ตาเต่งตึงโปนออกมาจากผลอย่างเห็นได้ชัด
๔. เปลือก เปลือกค่อนข้างหนา เหมาะสำหรับการ ขนส่งระยะไกล เมื่อสุกเปลือกผลจะมีสีเหลือง หรือเหลืองปนเขียว
๕. เนื้อ เนื้อสีเหลือง ไม่ฉ่ำ กรอบ กลิ่นหอม ความหวาน 14-16 º brix แกนสับปะรดกรอบรับประทานได้ ๖. สามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี
ที่มา
เมื่อปี พ.ศ. 2520 ผศ.อเนก ประทีป ณ ถลาง อาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย ชาวจังหวัดภูเก็ตที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ที่บ้านแม่ปูคา ตำบลนางแล อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ได้นำสับปะรดจากจังหวัดภูเก็ตมาปลูกที่จังหวัดเชียงราย แต่ด้วยปัจจัยทางธรรมชาติทำให้สับปะรดที่ปลูก มีลักษณะที่แตกต่างจากสับปะรดภูเก็ตคือขนาดผลเล็ก รูปร่างทรงกลม จุกใหญ่ ตั้งตรง รับประทานได้ทั้งเนื้อและแกน ซึ่งต่อมาได้เรียกชื่อสับปะรดดังกล่าวว่า“สับปะรดภูแล” โดยการนำเอาชื่อ “ภูเก็ต”ซึ่งเป็นแหล่งปลูกเดิมมาผสมคำกับแหล่งปลูกใหม่คือ “นางแล” และขยายพื้นที่การปลูกครอบคลุมสามตำบลคือตำบลนางแล ตำบลท่าสุด และตำบลบ้านดู่ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และเป็นผลผลิตด้านการเกษตรอีกชนิดหนึ่งที่สำคัญและสร้างชื่อให้ของจังหวัดเชียงรายในปัจจุบัน.
การจัดขนาดสับปะรดภูแล
สับปะรดภูแลไม่ได้มีการคัดคุณภาพเนื้อเหมือนสับปะรดนางแล แต่จะใช้วิธีการคัดขนาดน้ำหนัก
- ขนาด 3 ผลต่อกิโลกรัมหรือผลละประมาณ 3 ขีด (300 กรัม)
- ขนาด 4 ผลต่อกิโลกรัมหรือผลละประมาณ 2.5 ขีด (250 กรัม)
ส่วนใหญ่การซื้อสับปะรดภูแลจะสั่งคละขนาด เช่น 2,3,4 ผลต่อกิโลกรัม หรือ 3,4,5 ผลต่อกิโลกรัม หรือ 4,5,6 ผลต่อกิโลกรัม เป็นต้น .
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง